ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงที่มาตรการ Social Distancing ได้ถูกบังคับใช้ขึ้นมา เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส Covid-19 ทำให้ Lifestyle ของคนไทย ณ ปัจจุบันก็ต้องเปลี่ยนไป เกิดการ Work From Home , เรียนออนไลน์ ทำให้เราได้ใช้เวลาอยู่ในบ้านมากขึ้น และได้ใช้เวลากับการเล่น Social Media มากขึ้นเช่นกัน
ซึ่งในขณะเดียวกัน อีกกระแสที่เปรียบเสมือน “เพื่อนคลายเครียด” ในช่วงที่เราไม่สามารถออกไปไหน นอกจากแพลตฟอร์มทั่วไปที่เราคุ้นเคยอย่าง Facebook , Instagram , Twitter ก็ยังมีอีกหนึ่งชื่อที่ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ TikTok
แม้ในความเป็นจริง TikTok อาจไม่ใช่แอปพลิเคชั่นใหม่อะไรมากนัก เพราะเปิดตัวครั้งแรกก็เกือบ 3 ปีมาแล้ว แต่เราจะคุ้นเคยกันในฐานะของโฆษณาที่ชอบขึ้นมาเวลาเราดู Youtube หรือเล่น Facebook , Instagram จนทำให้เรารู้สึกว่าแอปพลิเคชั่นนี้จะไปมีอะไร นอกจากแอปพลิเคชั่นชวนคนเต้น
แต่คุณทราบหรือไม่ครับว่า TikTok นี่แหละที่ถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีการเติบโตได้อย่างรวดเร็วที่สุดในโลก ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปีเศษ TikTok มีผู้ดาวน์โหลดไปใช้งานแล้วมากกว่า 1,000 ล้านครั้ง และขึ้นแท่นเป็นสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงเป็นอับต้นๆ ของโลกไปแล้วเรียบร้อย
สาเหตุที่ทำให้ TikTok มีอัตราการเติบโตที่สูงได้ขนาดนี้เพราะว่า คอนเซปต์ของแอปพลิเคชั่นที่ทำออกมาตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ที่ต้องการแสดงความเป็นตัวตนผ่านโลกโซเชียล ผ่านการสร้างคอนเทนต์ ในรูปแบบวีดีโอสั้น 15 , 60 วินาที แล้วสามารถแชร์ให้ผู้ใช้งานคนอื่นๆ เห็นได้ในแอปพลิเคชั่น และยังสามารถแชร์ไปยังแพลตฟอร์มอย่างอื่น (Facebook , Instagram) ได้อีกด้วย
ทำให้ TikTok กลายเป็น Social Media สุด Mass ที่กำลังมาแรงอย่างมากในปัจจุบัน โดยในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำการตลาดบนแพลตฟอร์มนี้ให้มากขึ้น ทั้งการเติบโตของ TikTok , สถิติผู้ใช้งานที่น่าสนใจ และเหตุผลว่าทำไมนักการตลาดอย่างคุณถึงต้องทำการตลาดผ่านแอปพลิเคชั่นนี้ เชิญไปติดตามกันได้เลยครับ
ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น
ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtubeSubscribe
ทำไม TikTok ถึงมีการเติบโตที่พุ่งแรงต่อเนื่องในปัจจุบัน ทั้งที่ใช้เวลาสร้างแบรนด์แค่ 3 ปี ?
คุณทราบหรือไม่ว่า TikTok คือแอปพลิเคชั่นที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในโลกทั้งของ App Store และ PlayStore
ต้องขออนุญาติเท้าความแบบนี้ครับว่า จริงๆ แล้ว TikTok คือ Social Media ในรูปแบบ Short Video Platform ที่ถือกำเนิดมาจากประเทศจีน โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 2016 ลักษณะของแอปพลิเคชั่นนี้ก็ง่ายๆ ครับคือถ่ายวีดีโอสั้นๆ 15 วินาที โดยจะมีเสียงเพลงประกอบ รวมไปถึงฟิลเตอร์ เอฟเฟกต์ต่างๆ ที่นำมาใช้ประกอบ ให้การถ่ายวีดีโอของคุณมีลูกเล่นและสนุกขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่เข้ามาเล่นก็จะมีวัตถุประสงค์เพื่อคลายเครียดและหากิจกรรมทำยามว่าง
สำหรับผู้ใช้งาน TikTok ส่วนใหญ่ที่ถือเป็น Main Target Group (กลุ่มเป้าหมายหลัก) ของแอปพลิเคชั่นนี้ก็คือกลุ่มคนที่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 18-24 ปี แต่ถ้าเรทอายุเฉลี่ยของผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่นนี้ ก็จะอยู่ตั้งแต่ 13 – 34 ปีเลยทีเดียว
ภาพจาก authorspanel
ซึ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันก็มักจะชอบการเสพย์คอนเทนต์ที่มีความสั้น ไม่ยาว สนุกสนาน ไม่เครียด และเป็นวีดีโอ ทำให้ TikTok เข้าสเปคของพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันทุกอย่าง เลยส่งให้ TikTok กลายเป็นแอปพลิเคชั่นสุดฮิตของใครหลายๆ คน
โดยตัวเลขผู้ใช้งานอัปเดตเมื่อเดือนมกราคม 2020 TikTok ก็ฟาดจำนวน User ไปเบาๆ ที่ 800 ล้าน User ทั่วโลก เป็นรองก็แค่ Facebook เท่านั้นเองครับ นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไม Content ที่อยู่ใน TikTok ถึงเกิดไวรัลได้ง่าย
และเมื่อมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่นที่หลากหลายมากขึ้น แน่นอนครับว่างานนี้ เหล่านักการตลาดหัวไวก็มองเห็น “ขุมทรัพย์” ที่เปรียบเสมือนโอกาสในการสื่อสารและการทำการตลาดใน TikTok เช่นกัน เพราะทาง TikTok เองก็มีการเปิดให้สามารถซื้อโฆษณาต่างๆ ได้ ผ่าน Tiktok Ads ซึ่งทำให้ผลประโยชน์ยิ่งเข้าทาง TikTok มากขึ้นไปอีก นอกจากจะเป็นโซเชียลมีเดียไว้เล่นสนุกแล้ว ยังกลายเป็นช่องทางในการสร้างรายได้อีกด้วย
ด้วยสาเหตุนี้เองทำให้การเติบโตของ TikTok พุ่งกระฉูด ทั้งในแง่ของการดาวน์โหลด , คะแนนความนิยมและธุรกิจ คงไม่ต้องกล่าวถึงครับว่าเจ้าแอปพลิเคชั่นนี้สามารถสร้างการเติบโตได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน เพราะแค่ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี TikTok ปักธง สร้างสำนักงานกระจายตามเมืองใหญ่ๆ จากหลายทวีปทั่วโลก (รวมถึงประเทศไทยด้วย) นั่นแสดงให้เห็นว่าแอปพลิเคชั่นนี้เติบโตได้รวดเร็วขนาดไหนในปัจจุบัน ทั้งที่เป็นแอปพลิเคชั่น Short Video Content เท่านั้นเอง
ภาพจาก sensortower
เปิดสถิติผู้ใช้งานที่น่าสนใจ ให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายบน TikTok ให้มากขึ้น
ตามที่ผมกล่าวไปเมื่อข้างต้นครับว่า TikTok กำลังจะกลายเป็นขุมทรัพย์แห่งใหม่ของวงการ Digital Marketing แต่หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ น่าจะมีข้อสงสัยเกิดขึ้นว่า แล้วถ้าอยากเริ่มทำการตลาดหรือโฆษณาผ่าน TikTok อะไรที่คุณควรคำนึงบ้าง ในหัวข้อนี้เราได้รวบรวมสถิติต่างๆ ที่สำคัญกับการตัดสินใจของคุณครับ
- ที่นี่คือแหล่งรวมความเป็น Teenage อย่างแท้จริง
จากในหัวข้อที่แล้วผมได้เกริ่นนำไปแล้วว่า TikTok มีผู้ใช้งานจำนวนมากมายจากทั่วทั้งโลก แต่ช่วงอายุที่ใช้งานมากที่สุด ก็คือกลุ่ม GenZ (16-24 ปี มากที่สุด) หรือถ้าเรียกกันแบบธรรมดาก็คือ เด็กวัยรุ่นนี่แหละครับ เช่นเดียวกันกับประเทศไทย ที่ Active User ที่มากที่สุดก็เป็น Gen Z เช่นกัน โดยแบ่งเป็น เพศหญิง 75% และเพศชาย 25% ซึ่งนักการตลาดหลายสำนักก็ออกมาคาดการณ์ว่าตัวเลขของผู้ใช้งานในอนาคต จะไม่ยุติลงแค่นี้แน่นอน
ภาพจาก Appinventiv
- ช่วงเทศกาล หยุดยาว คือช่วงที่แอปพลิเคชั่นนี้มีคนเล่นเยอะที่สุด
เชื่อว่าทุกคนก็น่าจะคิดเหมือนผมครับว่า ทำไม TikTok ถึงกลายเป็นแอปพลิเคชั่นสุดฮิตในช่วงกักตัว ทั้งๆ ที่ก็เปิดตัวมานานแล้ว แต่ถ้าลองไปดูสถิติย้อนหลังปี 2019 โดยเฉพาะสถิติในประเทศไทย จะพบว่าแอปพลิเคชั่นนี้มีจะได้รับความนิยมที่ดีกว่าจากช่วงปกติ ในเทศกาลต่างๆ ในบ้านเราครับ เช่น สงกรานต์ ปีใหม่ รวมไปถึงช่วงหยุดยาวในวันสำคัญต่างๆ ก็มีอัตราที่ดีเช่นกัน
- 9 จาก 10 ผู้ใช้งานทั้งหมด ใช้ TikTok หลายครั้งต่อวัน
อีกปัญหาที่นักการตลาดส่วนใหญ่กังวลกันก็คือ “อัตราการเข้าใช้งาน” แน่นอนว่าสถิติผู้ใช้งานหรือการเติบโต TikTok ทำได้ดีจนไม่มีข้อโต้แย้ง แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่า User จะใช้งานวันละกี่ครั้งและใช้งานเป็นเวลามากน้อยเพียงใด
แต่เรื่องนี้ผมอยากให้คุณสบายใจได้เลยครับ เพราะสถิติจาก Oberlo ได้ทำการสำรวจออกมาแล้วว่าเวลาเฉลี่ยของคนที่เล่น TikTok แบบจริงจังจะอยู่ที่ 52 นาทีต่อ 1 วัน และ 9 จาก 10 (90%) ของผู้ใช้งาน TikTok ใช้งานแอปพลิเคชั่นนี้วันนึง “หลายครั้ง” โดยยังแบ่งได้เป็นคนที่เข้ามาเพื่อดูคอนเทนต์ต่างๆ จากคนอื่น 68% และใช้งานเพื่อสร้างคอนเทนต์เอง 55 % เป็นตัวการันตีว่า ถ้าใครที่ได้เล่นแอปพลิเคชั่นนี้แล้ว คงยากที่จะถอนตัวจริงๆ
ภาพจาก oberlo
- จำนวน Engagement เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น
นอกจากยอดดาวน์โหลด ที่ TikTok สามารถทำยอดไปแตะเลข 1พันล้าน ที่ถือว่าเยอะมากๆ ได้แล้ว อีกหนึ่งสถิติที่พวกเขาทำได้สำหรับตัวเลข 1 พันล้านก็คือ จำนวนการเปิดดูวีดีโอจากทั่วทั้งโลก ในปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าในแต่ละวันมีคอนเทนต์ถูกอัพโหลดขึ้นบน TikTok มากมายแค่ไหน ไม่แพ้กับคู่แข่งอย่าง Instagram , Twitter แต่ TikTok กลับสร้าง Engagement ได้ดีกว่ามากๆ ทั้งจำนวน View , Comment , Like , Share
จนนักการตลาดหลายสำนักได้ออกมาบอกว่า ตัวเลขพวกนี้จะไม่มีทางหยุดแค่นี้แน่นอนเพราะกระแสปัจจุบันของ TikTok กำลังเติบโตแบบฉุดไม่อยู่จริงๆ
ภาพจาก InfluencerMarketingHub
เหตุผลว่าทำไมนักการตลาดอย่างคุณ ถึงต้องเริ่มสนใจการทำการตลาดบน TikTok ?
จากเบื้องหลังการเติบโตและสถิติน่าสนใจ ที่ผมได้กล่าวไปแล้วนั้น ผมเชื่อว่าในตอนนี้นี่แหละที่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด ในการที่คุณจะต้องเริ่มศึกษาเกี่ยวกับการตลาดบนแพลตฟอร์ม TikTok เพราะกระแสในบ้านเราที่กำลังได้รับความนิยมอยู่เป็นอย่างมาก และมีท่าทีที่จะเติบโตไปได้อีกไกลด้วย
ซึ่งในหัวข้อนี้เอง ผมจะมาบอกเหตุผลดีๆ สำหรับการทำ Marleting ครับว่าทำไมนักการตลาดอย่างคุณ ถึงต้องเริ่มให้ความสำคัญในการทำการตลาด บนแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า “TikTok” จะมีอะไรบ้างและจะตรงกับที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ไหม ลองไปเช็คกันครับ
เหตุผลที่ 1 : TikTok ตอบโจทย์พฤติกรรมความชอบของผู้บริโภค
คนไทยอย่างเราๆ มีหรอครับที่จะไม่ชอบของใหม่ แม้ว่ากันตามอายุของ TikTok จะไม่ใช่ของใหม่อะไรแต่สำหรับใครบางคน ก็เพิ่งจะได้รู้จักและลองเล่นแอปพลิเคชั่นนี้ ก็ในช่วงกักตัวที่ผ่านมานี่เอง ที่เราเห็นวีดีโอไวรัลเต้น ร้องเพลง ลิปซิงค์ต่างๆ ในช่วงเดือนถึง 2 เดือนที่ผ่านมา จนทำให้เราสงสัยและลองดาวน์โหลดมาเล่น
ด้วยเสน่ห์ที่ TikTok ไม่เหมือนกับ Social Media ตัวไหนทำให้ TikTok ได้รับความนิยมอย่างมาก กล่าวก็คือการสร้างคอนเทนต์วีดีโอสั้นๆ 15 วินาที ด้วยเพลงและ AR Effect ต่างๆ ที่ TikTok ได้มีการปล่อยให้ลองเล่น (เยอะมากๆ) จนเกิดมีมและไวรัลขึ้น ผ่านการควบคุมด้วย Machine Learning ทำให้การสร้างคอนเทนต์ 15 วินาทีมีความสนุกสนาน แตกต่างกับการสร้างในแพลตฟอร์มอื่นเช่น Instagram Stories , Snapchat ที่ฟีเจอร์ต่างๆ ไม่ได้ครบครันและบันเทิงเท่า TikTok
ภาพจาก SouthChinaMorningPost
จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นส่วนใหญ่ ถึงหันมาเล่นแอปพลิเคชั่นนี้กันถล่มทลาย แต่อันดับแรก ผมขอแนะนำให้ใครที่สนใจอยากศึกษาการทำการตลาดบน TikTok ให้ลอง “ดาวน์โหลด” มาเล่นกันก่อนจะดีกว่าครับ เพราะคุณจะได้มีความคุ้นชินและรู้จักธรรมชาติของแพลตฟอร์มนี้อย่างแท้จริง ก่อนที่จะเริ่มลงมือสร้างแคมเปญหรือทำแผนการตลาด บนแพลตฟอร์มนี้ครับ
เพราะหากคุณไม่มีความคุ้นเคยหรือไม่รู้จักธรรมชาติของผู้ใช้งานแอปพลิเคขั่นนี้อย่างแท้จริง จะทำให้การทำการตลาดบนแพลตฟอร์ม TikTok ขาดประสิทธิภาพไปโดยปริยายครับ
เหตุผลที่ 2 : สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำ Influencer Marketing ได้เป็นอย่างดี
หากคุณคิดว่าการทำ Influencer Marketing เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการขับเคลื่อนธุรกิจและสร้าง Brand Awareness ในปัจจุบัน TikTok ก็จะกลายเป็นสิ่งที่คุณจะขาดไม่ได้ หากคุณต้องการสร้างการเติบโตให้ธุรกิจด้วยกลยุทธ์ Influencer Marketing (อ่านบทความเรื่อง Influencer Marketing จากเราได้ที่นี่)
เมื่อทุกวันนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ รวมไปถึงตัว Influencer เองก็ไม่ได้อยู่แค่แพลตฟอร์มที่เราคุ้นเคย อย่าง Facebook หรือ Instagram จึงเป็นเหตุให้ทั้งนักการตลาด รวมไปถึงแบรนด์ ต้องตามไปหาพื้นที่ในการประชาสัมพันธ์สินค้าบนแพลตฟอร์มใหม่ๆ อย่าง TikTok ซึ่งถ้าพูดกันในเชิงเทคนิคแล้วแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยครับกับการประชาสัมพันธ์ รีวิวสินค้าบนสื่อ Social Media ตัวอื่นๆ
ภาพจาก Reuters
แต่ข้อดีที่คุณจะได้มาเมื่อใช้กลยุทธ์ Influencer Marketing บน TikTok นั่นก็คือความแปลกใหม่ในการสร้างสรรค์ Content ของเหล่า Influencer ขยายความก็คือ คุณอาจจะเคยเห็นการรีวิวสินค้าของเหล่าของเหล่า Influencer ในช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook , Instagram หรือ Youtube กันจนเบื่อแล้วใช่ไหมครับ แต่สำหรับ TikTok นั้นจะแตกต่างกันออกไป ด้วยข้อดีที่มีลูกเล่นมากกว่าการถ่ายวีดีโอทั่วไป และจำนวนผู้เล่นที่มากมายในแต่ละวัน ทำให้มัน “ง่าย” ในการจะสร้างสรรค์ความเป็น Viral Content ขึ้นมา มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ประกอบกับจำนวนยอด Engagement ที่ TikTok ทำได้ดีกว่าช่องทางอื่น
ซึ่ง ณ ตอนนี้ไม่ว่าจะแบรนด์ใหญ่หรือแบรนด์เล็ก ก็ขอกระโดดลงมาร่วมวงการตลาดใน TikTok ผ่าน Influencer กันแล้วทั้งสิ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าการทำ Influencer Marketing ผ่านแพลตฟอร์ม TikTok นี้จะประสบความสำเร็จทุกครั้งเสมอไปนะครับ สุดท้ายยังไงก็ต้องขึ้นอยู่กับวิธีการสร้างสรรค์ Content ให้น่าสนใจและจำนวนผู้ติดตามของ Influencer แต่ละคนที่คุณเลือกมาด้วยเช่นกันครับ
แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับโลก CalvinKlien เลือกใช้การทำกลยุทธ์ Influencer Marketing ผ่าน TikTok เช่นเดียวกัน
ภาพจาก EDM
ด้วยอัตราการมี Influencer ที่เกิดขึ้นมากมายของ TikTok ทำให้ TikTok เองก็ได้จัด Ads Option ที่ชื่อว่า Customer Influencer Package ให้คุณสามารถเป็นสปอนเซอร์ในการสร้าง Content ให้กับเหล่า Influencer บน TikTok ได้ ผ่านการซื้อโฆษณาครับ
เหตุผลที่ 3 : มีตัวเลือกในการสร้างรูปแบบโฆษณาที่หลากหลาย
ถ้าจะให้พูดถึงการทำการตลาดบน Social Media ตัวเลือกอันดับแรกๆ ของเราก็คงเป็น Facebook , Instagram , Youtube , Twitter แต่ก็ยังมีนักการตลาดบางส่วนที่อาจจะยังไม่ทราบว่า TikTok มีการโฆษณาบนแพลตฟอร์มด้วยหรือ ? คำตอบก็คือ มีครับ และทำได้ละเอียดในระดับนึงเลยด้วย โดยผมจะขออนุญาติอธิบายให้ทุกท่านทราบดังนี้
สำหรับการทำโฆษณาแบบเสียเงิน (Paid Ads) ลงบน TikTok นั้นอันดับแรกก็เหมือนกับ Social Media ช่องทางอื่นอย่าง Facebook , Instragram คือคุณต้องมีการสร้าง TikTok Pro Account ขึ้นมาก่อน เพื่อที่คุณจะได้สามารถ Monitor แคมเปญโฆษณา ดูสถิติต่างๆ ได้ผ่าน Account นี้ครับ
ภาพจาก TikTok NewsRoom
ซึ่งส่วนใหญ่วัตถุประสงค์จะเป็นการสร้างอัตราการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย (Traffic) และเพิ่มปฏิสัมพันธ์ (Enagement) เป็นหลัก ซึ่งทาง TikTok ก็ได้แบ่งรูปแบบการโฆษณาต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ทั้ง 2 แบบดังนี้ครับ
ถ้าคุณคือแบรนด์หรือธุรกิจที่ต้องการได้ยอด Reach หรือการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นจำนวนมากๆ ให้กลุ่มเป้าหมายรู้ว่าตัวคุณคือใคร เป็นหลัก TikTok ได้สร้างตัวเลือกรูปแบบการโฆษณาให้คุณ 3 แบบครับดังนี้
- Brand Takeover : เป็นรูปแบบโฆษณาที่สร้าง Reach ได้เยอะที่สุดในบรรดาทั้ง 3 ตัวครับ โดยรูปแบบจะเป็นลักษณะ Pop Ups 3 วินาที ที่จะเด้งขึ้นมาทันที เมื่อคุณเปิดแอปพลิเคชั่นเข้าใช้งาน เหมาะสำหรับแบรนด์ที่มีคนรู้จักอยู่แล้ว และต้องการประชาสัมพันธ์แคมเปญบางอย่างให้กลุ่มเป้าหมายทราบครับ
- TopView : เป็นรูปแบบโฆษณาที่สร้าง Reach ได้ดีอีก Options นึงครับ เหมาะกับธุรกิจที่มีเว็บไซต์อยู่แล้ว โดยโฆษณารูปแบบนี้จะแสดงผลเป็นวีดีโอความยาวไม่เกิน 60 วินาที อยู่ในตำแหน่งด้านบนของแอปพลิเคชั่น สามารถ Lead คนไปยังหน้าเว็บไซต์ของแบรนด์ได้ และ User สามารถ Comment , Like , Share ได้เหมือนคอนเทนต์ทั่วไป
- In-Feed Ads : เป็นรูปแบบโฆษณาที่จะขึ้นมาระหว่างโพสต์วิดีโอบนหน้าฟีดของผู้ใช้งานที่กำลังรับชม Contents อยู่ (คล้ายๆ Ads ใน Instagram Story) โดยสามารถ Lead ไปยังเว็บไซต์หรือ Landing Page ได้ด้วยเช่นกัน
แต่ในทางกลับกันถ้าแบรนด์หรือธุรกิจของคุณต้องการสร้างการมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย คุณก็ยังสามารถใช้ Ads Option ได้อีก 2 รูปแบบนั่นก็คือ
- Hashtag Challenge : สำหรับกระแสต่างๆ ที่เกิดเป็นไวรัลล้วนอยู่ในรูปแบบโฆษณานี้ครับ Hashtag Challenge คือการทำโฆษณาในรูปแบบของแคมเปญ เพื่อให้เกิดการ Challenge ให้ผู้ใช้งานร่วมกิจกรรมเพื่อความบันเทิงหรือลุ้นรับรางวัลต่างๆ จนกลายเป็นกระแสไวรัล ซึ่งสามารถสร้าง Engagement ให้กับแบรนด์หรือธุรกิจของคุณครับ
- Branded Effect : นี่คือรูปแบบของการโฆษณาที่มีเฉพาะใน TikTok เท่านั้น คือการให้คุณได้สร้าง Effect วีดีโอขึ้นมาเอง ทั้งเสียงและภาพ เพื่อโปรโมทแคมเปญต่างๆ ซึ่งข้อดีก็คือถ้าแบรนด์สามารถสร้าง Effect ได้น่ารัก น่าเล่น ก็จะทำให้มีคนเลือกมาใช้เล่นในคอนเทนต์ตัวเองเรื่อยๆ และยังอยู่บนแพลตฟอร์มได้นานกว่าการโฆษณาทั่วไปด้วย (เพราะเป็น Effect)
ภาพจาก TikTok
ด้วยความหลากหลายนี้ในการทำโฆษณานี้เอง ทำให้ TikTok เริ่มกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่นักการตลาดเริ่มหันมาจับจองพื้นที่ในการทำการตลาดกันแล้ว ผมคิดว่าเหตุผลนี้คงจะเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะครับ
เหตุผลที่ 4 : กระแส Challenge Campaign สามารถสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจคุณได้
ในเหตุผลที่แล้ว ผมได้ยกตัวอย่างรูปแบบของการโฆษณาใน TikTok ไปแล้ว มีรูปแบบของโฆษณาอยู่ 1 รูปแบบครับที่มันยังสามารถเติบโตและสร้างประโยชน์ให้กับการทำธุรกิจของคุณได้มากกว่านั่นก็คือ “Hashtag Challenge”
ต้องเรียนให้ทราบครับว่าในปัจจุบันผู้ใช้งาน TikTok ก็มักจะชอบหรือรู้สึกสนุกกับเฝ้ารอคอยสิ่งใหม่ ที่จะมาทำให้พวกเขารู้สึกเพลิดเพลิน ผ่านการเสพย์คอนเทนต์ในแบบที่ตนสนใจ นอกจากนั้นอีกหนึ่งสิ่งที่จะขาดไม่ได้สำหรับ TikTok เลยก็คือการสร้าง Challenge Campaign ที่เป็นเหมือนหัวใจหลักที่ทำให้แอปพลิเคชั่นนี้เกิดความเป็น Viral แบบออแกนิคและได้รับความนิยมผ่านการแชร์และทำตามของผู้ใช้งาน
ภาพจาก MarketingOops
โดยการใช้กลยุทธ์นี้ เริ่มมีการนำไปปรับใช้กับการทำการตลาดบนแพลตฟอร์ม TikTok กันบ้างแล้ว ตัวอย่างที่ถือเป็น Challenge ที่สร้างความเป็น Viral เช่น Uniqlo ที่ได้ทำการสร้างแคมเปญที่ชื่อว่า #UTPlayYourWorld เป็นแคมเปญให้ผู้เล่นได้ร่วมสนุกกัน โดยต้องใส่เสื้อยืดของ UT By Uniqlo แล้วเต้นประกอบเพลงตาม Efffect
ซึ่งนอกจากแคมเปญนี้จะ Viral ไปทั่วโลกแล้ว ยังส่งผลให้ยอดขายของเสื้อยืด UT By Uniqlo เติบโตขึ้นอีกเป็นกอบเป็นกำ ถือได้ว่านี่คือตัวอย่างของแบรนด์ที่สร้าง Challenge ได้ดีจนประสบความสำเร็จทั้งในด้าน Brand Awareness และยอดขายของธุรกิจ
เหตุผลที่ 5 : ในอนาคต TikTok ยังสามารถเติบโตได้อีก
เหตุผลข้อสุดท้ายนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากคุณมีความสนใจในการทำการตลาดผ่านทางช่องทางนี้คือทิศทางในการเติบโตของแพลตฟอร์มนี้ จากตัวเลขทั้งยอดการดาวน์โหลด ยอดผู้ใช้งาน ถึงแม้ว่าภาพลักษณ์จะมีความเป็นแอปพลิเคชั่นสำหรับวัยรุ่น แต่ทาง TikTok เองก็มีการทำการบ้านพัฒนารูปแบบ Content และระบบการใช้งานอยู่ตลอด
จนในปัจจุบัน จากการสำรวจครั้งล่าสุดเมื่อช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมาในประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มมีอัตราการใช้งานแอปพลิเคชั่น TikTok ของกลุ่มคนช่วงอายุ “ผู้ใหญ่” มากขึ้นถึง 5 เท่า แสดงถึงการที่ TikTok เริ่มมีความหลากหลายด้านช่วงอายุผู้ใช้งานมากขึ้น
ดังนั้นไม่แน่ว่าทิศทางในการเติบโตของ TikTok ที่จะเข้ามาครองตลาดอื่นนอกคน Gen อื่นนอกจากวัยรุ่นก็ยังถือว่ามีความเป็นไปได้สูงและไม่แน่ว่าอนาคตเราอาจจะเห็น TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ก็เป็นได้เช่นกันครับ
สรุปทั้งหมด
คงเห็นได้ชัดแล้วครับว่าในปัจจุบัน TikTok กลายเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่มีอัตราการเติบโตรวดเร็วแค่ไหนและกลายเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มมาแรงที่นักการตลาดอย่างคุณจะต้องเปลี่ยนมาให้ความสนใจและศึกษาอย่างจริงจัง
ด้วยข้อดีที่ TikTok สามารถเข้าถึงตลาดวัยรุ่น Genz ได้อย่างทรงพลังและยังสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดได้มากมาย ปีนี้จึงเป็นโอกาสดีที่คุณจะได้ทดลองใช้งานแอปพลิเคชั่นนี้ให้มากขึ้นและทำความรู้จักพฤติกรรมของผู้ใช้งาน TikTok เพื่อนำมาปรับใช้กับการทำการตลาดของคุณให้เติบโตมากยิ่งขึ้น
Cr. https://thegrowthmaster.com/blog/tiktok-for-marketer